วันที่ 31 มี.ค.68 คืบหน้าเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตรายที่ 12 ซึ่งได้กู้ร่างออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจผ่าและพิสูจน์อัตลักษณ์ต่อไป
เศร้า พบร่างรายที่ 12 เหตุตึก สตง. ถล่ม ส่งพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว
เศร้า พบร่างรายที่ 12 เหตุตึก สตง. ถล่ม ส่งพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว
โดยเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางที่มายังจุดเกิดเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ที่ ถล่มลงมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อ ติดตามภารกิจการช่วยเหลือผู้ติดค้างภายในสร้างอาคารดังกล่าว และความคืบหน้าการกู้ซากอาคาร เมื่อมาถึง น.ส.แพทองธาร ได้มีการ พูดคุยกับผู้ปฏิบัติงานทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสากู้ภัย ซึ่งขณะที่กำลังเดินเข้าประตูพบว่ามีตัวแทน กลุ่มพันธมิตรแรงงานต่างประเทศเข้าพูดคุย และก้มกราบเท้า น.ส.แพทองธาร โดย น.ส.แพทองธาร ระบุ ยืนยันว่าจะให้ความช่วยเหลือ แรงงานทั้งชาวไทยเเละต่างชาติอย่างเต็มที่ ก่อนที่ตัวแทนคนดังกล่าวจะถูกนำตัวออกมา
ขณะเดียวกันได้มีตัวแทนเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน นำเอกสาร จำนวนหนึ่งเดินทางเข้ามาบริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน
ด้าน รศ.ทวิดา กมลเวช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เอกสารที่เจ้าหน้าที่ตัวแทนจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินนำมาในวันนี้ คือแบบแปลนอาคารการก่อสร้าง ซึ่งจะมีการระบุตำแหน่งและจุดสำคัญต่างๆภายในอาคารเช่นบันไดหนีไฟและลิฟท์ ซึ่งข้อมูลชุดนี้จะนำมาใช้ในการหารือและวิเคราะห์ร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย สำหรับใช้เป็นแนวทางในการค้นหาและช่วยเหลือผู้สูญหายให้รวดเร็ว โดยจะพิจารณาว่าพื้นที่บริเวณชั้นใดหรือจุดใดของอาคารมีการใช้งานอย่างไร
เศร้า พบร่างรายที่ 12 เหตุตึก สตง. ถล่ม ส่งพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว
ส่วนภารกิจการค้นหาผู้ติดค้างภายใต้ซากอาคาร ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งปฏิบัติการช่วยเหลือผู้สูญหายอย่างเต็มที่ โดยสาเหตุที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางออกจากพื้นที่หลังเข้ามาติดตามความคืบหน้าภารกิจประมาณ 20 นาที เนื่องจากคณะทำงานสามารถตรวจจับสัญญาณชีพของผู้สูญหายได้ 1 คน และต้องอาศัยความเงียบในการตรวจสอบสัญญาณชีพที่ยังอ่อน จึงทำให้ต้องเดินทางกลับอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้กระทบกับการปฏิบัติงาน ซึ่งต้องการความเงียบ
ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศและทีมสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกำลังอยู่ระหว่างการปรึกษาหารืออย่างละเอียดถึงแนวทางการเข้าช่วยเหลือผู้ที่มีสัญญาณชีพดังกล่าวด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุด
รศ.ทวิดา ยังได้ชี้แจงถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับความล่าช้าในการปฏิบัติการช่วยเหลือ โดยยืนยันว่าไม่ได้ล่าช้า เนื่องจากเพิ่งตรวจพบสัญญาณชีพของผู้สูญหายได้เมื่อครู่นี้เอง และในส่วนของกรอบเวลา 72 ชั่วโมงนั้น ขอให้เข้าใจว่าเป็นหลักการทางการแพทย์สากลที่บ่งชี้ถึงช่วงเวลาที่มีโอกาสช่วยเหลือผู้สูญหายและมีอัตราการรอดชีวิตสูงที่สุด ส่วนประเด็นที่ไม่สามารถทำการเจาะทะลุเข้าไปในซากอาคารเพื่อช่วยเหลือได้ทันทีนั้น เนื่องจากผู้สูญหายยังมีชีวิตอยู่ การกระทำใดๆ ที่รุนแรงจนอาจทำให้ซากอาคารถล่มซ้ำ จะยิ่งนำมาซึ่งความสูญเสียและเสียหายที่มากขึ้น ดังนั้น ในช่วง 1-2 วันแรก จึงจำเป็นต้องมีกระบวนการหน้างานที่ต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์พื้นที่และประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ และแม้จะเลยกรอบเวลา 72 ชั่วโมงไปแล้ว ทีมค้นหาก็ยังคงไม่หยุดปฏิบัติการ แต่โอกาสที่ผู้สูญหายจะอ่อนแอลงนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การดำเนินการทุกอย่างจึงต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังและมีสติ ในระหว่างการปฏิบัติงาน อาจมีการดับเครื่องจักรเป็นระยะๆ เพื่อทำการตรวจหาสัญญาณชีพ แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และหลังจากนี้จะพยายามจัดเวลาให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชนอย่างสม่ำเสมอ หากมีเหตุเร่งด่วนใดๆ ก็จะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง
ส่วนบรรยากาศในการค้นหาผู้สูญหายภายใต้ซากอาคาร สตง.ยังคงใช้รถแบ็คโฮขุดดิน ตักเศษหินเศษปูนเศษเหล็กใส่รถสิบล้อทยอยออกไปทิ้ง และใช้สุนัข K9 ร่วมค้นหา
เศร้า พบร่างรายที่ 12 เหตุตึก สตง. ถล่ม ส่งพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว
ต่อมาเวลา 14.00น.หน่วยกู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย บริเวณโซนบีซึ่งอยู่ด้านหลังฝั่งซ้ายตัวอาคารจุดเกิดเหตุ นับเป็นศพที่ 12 เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจผ่าและพิสูจน์อัตลักษณ์ต่อไป
ด้านนาย สมบูรณ์ พาพันธ์ 40 ปี กล่าวว่า ตนมาเฝ้าการปฏิบัติงานของกู้ชีพกู้ภัยตั้งแต่วันเกิดเหตุ เนื่องจากว่าน้องสาวตนคือ วิภาคำ พรมภักดี อายุ 40 ปีชาว จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพนักงานกดลิฟต์ของบริษัทอิตาเลี่ยนไทย ซึ่งทำงานอยู่บนชั้น 29 ได้หายตัวไปหลังเกิดเหตุ ช่วงเที่ยงวันเกิดเหตุ ตนยังโทรศัพท์คุยกับน้องสาวอยู่เลย แต่พอหลังเกิดเหตุ โทรศัพท์กลับไป คารวนี้ไม่มีคนรับสาย ซึ่งเมื่อช่วงเย็นวานนี้เจ้าหน้าที่ได้พบกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ของน้องสาวช่วงโซนซี ใกล้กับช่องลิฟต์ ตนยังคงหวังพึ่งปาฎิหาริย์ เพราะได้คุยกับพี่บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์แล้ว พี่บิณฑ์บอกว่าพบสัญญาณชีพใกล้ช่องลิฟต์ ตนก็ภาวนาให้เป็นน้องสาวตน ถึงแม้จะเกิน 72 ชั่วโมง แล้วก็ตาม