คืบหน้าล่าสุดตึกสตง.ถล่ม ซึ่งก่อนหน้านี้เพจ Fire & Rescue Thailand ได้โพสต์ภาพ พร้อมทั้งระบุรายละเอียดว่า “เปิดภาพเอกซเรย์จากเครื่องมือค้นหาของทหารสหรัฐอเมริกา #เจอร่างคนติดในกองซากปูน ตึก สตง. แต่ยังไม่สมารถนำออกมาได้ ซึ่งถูกปูนทับเป็นชั้นๆ ลงไป #เป็นเพียงข้อมูลจากดาวเทียมแล้วแต่ทุกคนจะพิจารณา”
ล่าสุด รศ.ทวิดา กมลเวช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รายงานความคืบหน้าของปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ทำให้ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 13 ราย ซึ่งในวันนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางมายังศูนย์อำนวยการเหตุการณ์ เพื่อติดตามและบัญชาการปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากผลการสแกนด้วยอุปกรณ์ตรวจจับ พบรูปร่างของผู้ติดค้างภายในซากอาคาร ทีมกู้ภัยจึงปรับแผนการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เพื่อหาแนวทางเข้าถึงจุดดังกล่าวให้เร็วที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตั้งศูนย์บัญชาการหลักที่จุดเกิดเหตุ เพื่อให้สามารถประสานงานและบริหารจัดการปฏิบัติการค้นหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าพื้นที่อื่นๆ ในกรุงเทพมหานคร ยังคงต้องมีการตรวจสอบโครงสร้างอาคารตามที่ประชาชนแจ้งเข้ามา
ทั้งนี้ การ ประกาศยกเลิกการจัดการสาธารณภัยระดับ 2 เมื่อคืนที่ผ่านมา มีเป้าหมายเพื่อให้เห็นว่าส่วนอื่นๆ ของกรุงเทพฯ สามารถบริหารจัดการได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน การตั้งศูนย์บัญชาการหลักในพื้นที่เกิดเหตุ จะช่วยให้การค้นหาดำเนินไปอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น
จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา พบ 6 จุดต้องสงสัย ซึ่งจากการสแกนพบรูปร่างที่คาดว่าเป็นร่างมนุษย์ ซึ่งสำหรับตัวเลข 70 จุด ที่เคยมีการรายงานก่อนหน้านี้ อาจเป็นผลจากการสแกนเบื้องต้นที่ตรวจพบวัตถุที่มีลักษณะคล้ายร่างมนุษย์จำนวนมาก เมื่อใช้เครื่องมือมาตรฐานที่สามารถระบุรูปร่างมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ พบว่า มี 6 จุดที่ชัดเจน และเจ้าหน้าที่กำลังพยายามเข้าถึง แต่เนื่องจากโครงสร้างอาคารมีการทับซ้อนกันอยู่ ทำให้ยังไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัดได้ว่าผู้สูญหายในแต่ละจุดอยู่ในชั้นใด
ลักษณะของ ทั้ง 6 จุดที่พบนั้นอยู่ในลักษณะการเกาะกลุ่มกัน ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้อง ใช้เครื่องมือพิเศษในการเคลื่อนย้ายซากอาคารบางส่วน เพื่อเปิดทางให้สามารถเข้าถึงได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ติดค้างยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เนื่องจากเครื่องสแกนสามารถตรวจจับได้เพียงรูปร่างเท่านั้น และไม่สามารถระบุสัญญาณชีพได้
แม้ว่าทางวิทยาศาสตร์อาจยังไม่สามารถตรวจพบสัญญาณชีพของผู้ติดค้าง แต่เจ้าหน้าที่ ยังคงปฏิบัติงานต่อไปอย่างเต็มกำลัง โดยหวังว่าจะพบผู้รอดชีวิต และ จะใช้ทุกเทคนิคและเทคโนโลยีที่มี เพื่อสนับสนุนภารกิจค้นหา จากนี้ จะมีการรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง โดยการทำงานของเจ้าหน้าที่ ต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบและปลอดภัยที่สุด เพื่อให้ภารกิจช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
