วันนี้เงินเข้าพร้อมกัน ทั่วประเทศ รีบเช็กด่วน 3 กลุ่มเปราะบาง

Author:

เมื่อวันที่ 9 ก.ย.67 จากกรณีมาตรการเยียวยากลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่มได้แก่ เด็กแรกเกิด,ผู้สูงอายุ และผู้พิการ โดยจะโอนเงินทุกวันที่ 10 ของเดือน แต่หากตรงกับวันหยุด หรือวันเสาร์-อาทิตย์ จะทำการโอนให้ล่วงหน้าก่อนไม่เกินเที่ยงคืน ซึ่งในงวดเดือนกันยายน 2567 จะได้รับโอนเงินในวันอังคารที่ 10 กันยายน 2567 โดยเด็กเล็กจะได้รับเงินอุดหนุนบุตร 600 บาทต่อเดือน ผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 600 -1000 บาท ขณะที่ผู้พิการได้รับเบี้ยความพิการ 800 -1000 บาท

กลุ่มที่ 1 เงินอุดหนุนบุตร เด็กแรกเกิดถึงอายุ 6 ขวบได้รับเงินโอนเข้าบัญชี 600 บาท

เงินอุดหนุนบุตร หรือเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด 600 บาท เดือนกันยานยน 2567 กรมบัญชีกลางจะโอนเงินอุดหนุนบุตรเข้าบัญชีผู้มีสิทธิในวันอังคารที่ 10 กันยานยน 2567 ยึดหลักเกณฑ์จ่ายเงินเข้าบัญชีทุกวันที่ 10 ของเดือน และหากตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ จะจ่ายเงินเด็กแรกเกิดเข้าบัญชีล่วงหน้าก่อนวันหยุด

ข้อแนะนำการรับเงินอุดหนุนบุตรเดือนกันยายน 2567

-หมั่นตรวจสอบข้อมูลของท่านในระบบตรวจสอบสิทธิเป็นประจำ

-หากมีการเปลี่ยนแปลง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ของท่าน ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้แก้ไขข้อมูลของท่านให้เป็นปัจจุบัน (เพื่อการติดตามของเจ้าหน้าที่จะได้รวดเร็ว)

-หมั่นตรวจสอบบัญชีธนาคารที่ใช้รับเงินอุดหนุนของท่าน ว่าใช้งานได้หรือไม่

ตรวจสอบเงินอุดหนุนบุตรได้ 3 ช่องทาง

-เว็บไซต์ กรมกิจการเด็กและเยาวชน

-แอปพลิเคชัน ทางรัฐ

-แอปพลิเคชัน เงินเด็ก

สำหรับผู้ปกครองที่ยังไม่ได้ ลงทะเบียนขอรับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด และเด็กมีสัญชาติไทย พ่อ แม่ ผู้ปกครองสามารถยื่นคำร้องในพื้นที่ที่เด็กแรกเกิดและผู้ปกครองอาศัยอยู่จริง (ไม่จำเป็นต้องเป็นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน) ดังนี้

-กรุงเทพมหานคร ลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเขต

-เมืองพัทยา ลงทะเบียนได้ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา

-ส่วนภูมิภาค ลงทะเบียนได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบลหรือเทศบาล

-ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เงินเด็ก” ทั้งนี้ผู้ปกครองต้องพิสูจน์และยืนยันตัวตนผ่าน แอปพลิเคชัน ThaiD ของกรมการปกครองก่อน เมื่อตรวจสอบสิทธิผ่านแล้ว จะได้รับเงินมีผล ตั้งแต่เดือนที่ลงทะเบียนรับเงิน

ทั้งนี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด กรมกิจการเด็กและเยาวชน โทร 08-2091-7245,08-2037-9767,08-3431-3533,06-5731-3199 หรือศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง

กลุ่มที่ 2 เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 600-1,000 บาท ตามเกณฑ์อายุ

-อายุ 60-69 ปี ได้รับ 600 บาทต่อเดือน

-อายุ 70-79 ปี ได้รับ 700 บาทต่อเดือน

-อายุ 80-89 ปี ได้รับ 800 บาทต่อเดือน

-อายุ 90 ปี ขึ้นไปได้รับ 1,000 บาทต่อเดือน

ทั้งนี้หลังจากกระทรวงมหาดไทยมีการปรับเกณฑ์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุใหม่ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 12 ส.ค.66 จากเดิมการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจะไม่มีการปรับเบี้ยระหว่างปีงบประมาณ แต่ระเบียบใหม่ล่าสุด กำหนดให้ปรับอัตราจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แบบขั้นบันได ตามมติคณะรัฐมนตรี ณ เดือนที่ผู้สูงอายุมีอายุครบช่วงอายุในเดือนถัดไปเช่น ในระหว่างปีงบประมาณ ผู้สูงอายุมีอายุครบ 70,80 หรือ 90 ปี ในเดือนถัดไปก็จะได้รับการปรับค่าเบี้ยขึ้นทันทีตามขั้นบันได เช่น อายุครบ 70 ปี เดือน ต.ค.66 ในเดือน พ.ย.66 จะได้ปรับเป็น 700 บาททันที ไม่ต้องรอปีงบประมาณใหม่ ส่วนผู้สูงอายุคนใดที่เกิดวันที่ 1 ในเดือนที่ครบอายุจะได้รับในเดือนนั้นทันที

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินเบี้ยยังชีพ

1.มีสัญชาติไทย

2.มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

3.มีอายุหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งได้ยืนยันสิทธิขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

4.เป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุ แห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด

ขั้นตอนการลงทะเบียนรับสิทธิ

ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 59 ปีบริบูรณ์สามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ของปีนั้น และเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีถัดไป ก็จะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุตั้งแต่เดือน ต.ค.ในปีนั้นๆ โดยสามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพด้วยตัวเอง ได้ตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.ของทุกปี ทั้งนี้ผู้สูงอายุสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ตั้งแต่เดือน ต.ค.ของทุกปีเป็นต้นไป โดยจะต้องเป็นผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 ก.ย.-1 ต.ค.ของปีนั้นๆจึงจะลงทะเบียนล่วงหน้าได้

หลักฐานการลงทะเบียนรับสิทธิ

1.กรณีลงทะเบียนด้วยตนเอง

สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ชุด

สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด

สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก (ออมทรัพย์) จำนวน 1 ชุด

2.กรณีผู้สูงอายุไม่สามารถไปลงทะเบียนได้ด้วยตัวเอง ต้องเตรียมเอกสารเพิ่ม คือ

หนังสือมอบอำนาจ (ยื่นแบบฟอร์มให้ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง)

สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 1 ชุด

สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 1 ชุด

สถานที่ในการขึ้นทะเบียน

-จุดบริการ ใน กทม. สำนักงานเขต 50 เขต

-กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)

-อบต.(องค์การบริหารส่วนตำบล) หรือ เทศบาลที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

สำหรับการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนั้น ผู้สูงอายุสามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเอง หรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปดำเนินการแทน

กลุ่มที่ 3 เบี้ยผู้พิการ 800-1,000 บาท ตามเกณฑ์อายุ

-ผู้พิการที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะได้รับเงิน 1,000 บาทต่อเดือน

-ผู้พิการที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จะได้รับเงิน 800 บาทต่อเดือน

 

วันที่ 9 ก.ย.67 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงโครงการ digital Wallet คนละ 1 หมื่นบาทว่า เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี ได้ในวันที่ 17 กันยายนนี้ โดยภายในเดือนกันยายน เงินจะเข้าสู่ระบบกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยแจกจ่ายให้คนกลุ่มแรกคือกลุ่มเปราะบาง 17-18 ล้านคน ซึ่งจะได้เป็นเงินสดไปเลยคนละ 10,000 บาท ส่งเข้าบัญชีโดยตรง

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อผ่านเข้าสู่เดือนตุลาคม จะจ่ายให้กับงวดที่สองสำหรับผู้ที่ยังเหลือ ซึ่งได้ลงทะเบียนไว้ 10 กว่าล้านคน หากทำได้ทัน ก็จะเข้าสู่ระบบdigital Wallet แต่หากยังไม่พร้อม ก็จะใช้เงินสดแจกให้คนละ 5,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 5,000 บาท ก็จะเข้าสู่กลไกของ digital Wallet

อัพเดต ไทม์ไลน์แจกเงิน 10,000 บาท โครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต ใครได้ใช้ตอนไหน

สำหรับ กลุ่มแรก ที่จะได้รับเงิน 10,000 บาทภายในเดือนกันยายนนี้ โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่เพราะรัฐบาลมีฐานข้อมูลอยู่แล้ว ประกอบด้วย กลุ่มเปราะบาง ผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน)

ต่อมาถึงคิว กลุ่มที่ 2 ใช้จ่ายในเดือนตุลาคม คือ กลุ่มทั่วไปที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านแอพพ์ทางรัฐ ปิดลงทะเบียนในวันที่ 15 กันยายน โดยภายหลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้ว ระบบจะแจ้งผลการอนุมัติสิทธิดิจิทัลวอลเล็ตในวันที่ 22 กันยายน 2567

ตามด้วย กลุ่มที่ 3 ซึ่งจะได้ใช้เงินหมื่นในเดือนธันวาคม คือ กลุ่มทั่วไปที่ไม่มีสมาร์ตโฟน ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เปิดลงทะเบียนวันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567

เมื่อวันที่ 9 กันยายน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่ารัฐบาลยืนยันเดินหน้าแน่นอน โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม.นัดแรกวันที่ 17 กันยายนนี้ โดยจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อให้ทุกคนสบายใจ ซึ่งได้ปรับมาให้เงินสดทั้งหมด ให้กับคนที่ได้ลงทะเบียนแล้วกว่า 30 ล้านคน โดยรอบแรก แบ่งเป็น กลุ่มเปราะบาง ประมาณ 14 ล้านคนก่อน โดยแจกเป็นเงินสด 10,000 บาท ด้วยใช้งบประมาณปี 2567

โดยโอนเข้าบัญชีที่มีอยู่แล้ว และจะสามารถนำไปใช้ที่ไหนก็ได้ โดยไม่มีการจำกัดร้านค้า และชนิดสินค้า ตามเป้าหมายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อ ครม.อนุมัติแล้ว คาดสามารถแจกเงินได้ทันทีภายในเดือนกันยายนนี้ ไม่เกินตุลาคม ส่วนที่เหลือกลุ่มคนที่ลงทะเบียนในระบบไปแล้ว และไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง รัฐบาลจะแจกเป็นล็อตที่ 2 โดยใช้งบประมาณปี 2568 จะแจกเป็น เงินสด 5,000 บาทก่อน ภายในปลายปี 2567 นี้ และส่วนที่เหลืออีก 5,000 บาท หากรัฐบาลวางระบบดิจิทัลได้ทันอาจจะแจกเป็นเงินดิจิทัลวอลเล็ต แต่หากไม่ทันอาจจะแจกเป็นเงินสดเช่นกัน คาดว่าจะดำเนินการส่วนที่เหลือได้ในปีหน้า 2568

นายภูมิธรรมกล่าวในด้านร้านค้า ได้ย้ำให้กรมการค้าภายในอย่าละเลยการรวบรวมร้านค้า มารองรับ เพราะเป้าหมายโครงการไม่ได้ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการเตรียมพร้อมประชาชน ได้เรียนรู้การเข้าสู่ระบบดิจิทัลด้วย ซึ่งสิ่งที่ทำแม้จะมีข้อโต้แย้ง แต่รัฐบาลอดทน เพราะมีเป้าหมายชัดเจน และทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด เป้าหมายโครงการในการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบแรกคาดว่าจะกระตุ้นให้มีเงินสะพัดในระบบได้ประมาณ 140,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกลุ่มที่ 2 คาดว่าจะมีเงินหมุนในระบบ สองรอบประมาณ 280,000-300,000 ล้านบาท “โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นโครงการสำคัญ เป็นเรือธงของรัฐบาล ขอยืนยันว่า รัฐบาลจะเดินหน้าแน่นอน แต่อาจจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อให้ทุกคนสบายใจ

ซึ่งได้ปรับมาให้เงินสด 10,000 บาททั้งหมดแก่กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ซึ่งจะใช้ที่ไหนก็ได้ ซื้อสินค้าอะไรก็ได้ ไม่ต้องมีสินค้าต้องห้าม ตามเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่แม้จะเป็นเงินสดแต่ยังช่วยหมุนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดก้อนแรก 140,000 กว่าล้านบาท ลงไปในตลาดก็จะเกิดกำลังซื้อประชาชนแล้ว และจะมีเงินก้อนสองลงต่อเนื่องไปอีกเป็น 1-2 แสนล้านบาท” นายภูมิธรรมกล่าว

โอนเงิน 3 กลุ่มเปราะบาง งวดเดือนกันยายน 2567 เงินเข้าบัญชีพร้อมกันทุกวันที่ 10 ของเดือน ซึ่งในงวดนี้จะได้รับตรงวันคือวันอังคารที่ 10 กันยายน 2567 ได้แก่ เงินอุดหนุนบุตร, เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเงินเบี้ยผู้พิการ โดยโอนช่วยเหลือเยียวยาตามหลักเกณฑ์ดังนี้

เงินอุดหนุนบุตร เดือนกันยายน 2567 เงินอุดหนุนบุตร เด็กแรกเกิด จนถึงอายุ 6 ขวบ รัฐบาลช่วยเหลือ ครอบครัวรายได้น้อย เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี จะได้รับเงินโอนเข้าบัญชี 600 บาท

โดยผู้ปกครองสามารถตรวจสอบสถานะสิทธิได้ตามขั้นตอนนี้

1. กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชนผู้ลงทะเบียน

2. กรอกเลขประจำตัวประชาชนเด็กแรกเกิด

3. ระบุรหัสยืนยันรูปภาพ

สำหรับผู้ที่ต้องการลงละเบียนเพื่อรับเงินจากโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด หรือเงินอุดหนุนบุตร หากผู้ปกครองเด็กมีความประสงค์รับสิทธิ ยังสามารถลงทะเบียนเพื่อลงทะเบียนรับเงินอุดหนุนบุตรได้ตลอด

เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนกันยายน 2567 รัฐบาลช่วยเหลือผู้สูงอายุ จ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 600-1,000 บาท ตามเกณฑ์อายุ ดังนี้

อายุ 60-69 ปี ได้รับ 600 บาทต่อเดือน

อายุ 70-79 ปี ได้รับ 700 บาทต่อเดือน

อายุ 80-89 ปี ได้รับ 800 บาทต่อเดือน

อายุ 90 ปี ขึ้นไป ได้รับ 1,000 บาทต่อเดือน

ทั้งนี้หลังจากกระทรวงมหาดไทยมีการปรับเกณฑ์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุใหม่ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 12 ส.ค.66 จากเดิมการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะไม่มีการปรับเบี้ยระหว่างปีงบประมาณ แต่ระเบียบใหม่ล่าสุด กำหนดให้ปรับอัตราจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แบบขั้นบันได ตามมติคณะรัฐมนตรี ณ เดือนที่ผู้สูงอายุมีอายุครบช่วงอายุในเดือนถัดไป

เช่น ในระหว่างปีงบประมาณ ผู้สูงอายุมีอายุครบ 70, 80 หรือ 90 ปี ในเดือนถัดไปก็จะได้รับการปรับค่าเบี้ยขึ้นทันทีตามขั้นบันได เช่น อายุครบ 70 ปี เดือน ต.ค.67 ในเดือน พ.ย.67 ก็จะได้ปรับเป็น 700 บาททันที ไม่ต้องรอปีงบประมาณใหม่ ส่วนผู้สูงอายุคนใดที่เกิดวันที่ 1 ในเดือนที่ครบอายุ ก็จะได้รับในเดือนนั้นทันที

เบี้ยผู้พิการ เดือนกันยายน 2567

เบี้ยผู้พิการได้รับคนละ 800-1,000 บาท ตามเกณฑ์อายุ ดังนี้

ผู้พิการที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะได้รับเงิน 1,000 บาทต่อเดือน

ผู้พิการที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จะได้รับเงิน 800 บาทต่อเดือน

ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบเงินอุดหนุนบุตร เบี้ยผู้สูงอายุ เบี้ยคนพิการ ได้ผ่านแอปพลิเคชัน ‘เงินเด็ก’ หรือ แอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ หรือ ทางบัญชีที่ได้แจ้งไว้ และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินอุดหนุนบุตร ได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดกรมกิจการเด็กและเยาวชน โทร 08 2091 7245, 08 2037 9767, 08 3431 3533, 06 5731 3199 และศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง

ส่วนผู้ที่ต้องการลงทะเบียนรับเบี้ยผู้พิการ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เลขที่ 255 อาคาร 60 ปี กรมประชาสงเคราะห์ ถนนราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 ติดต่อ 1479 หรือ โทร. 0 2354 3388 ต่อ 311 หรือ 313

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *