วันที่ 5 ตุลาคม 2567 นายตั้ม อายุ 29 ปี ชาวตำบลสะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ หนุ่มผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ประกอบกับผ่าตัดไส้ติ่งทำให้มีผลต่อการสื่อสารด้วย ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาทจากรัฐบาล แล้วโดนสาวประเภทสอง อ้างเป็นแฟนเก่า โทรศัพท์มาหลอกยืมเงิน 12,000 บาท แต่โอนให้ไป 2,000 บาทแล้วไม่ยอมคืน ทั้งยังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. บอกว่ามีส่วนพัวพันกับขบวนการฟอกเงินหลอกให้โอนเงินไปตรวจสอบอีก 5,000 บาท รวมเป็นเงินที่ถูกหลอกโอนไปจำนวน 7,000 บาท
โดยนายตั้ม หนุ่มพิการ เล่าว่า หลังได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาทจากรัฐโอนเข้าบัญชีวันที่ 25 กันยายน 67 ก็ยังไม่ได้ไปถอนเงินมาใช้ จากนั้นวันที่ 28 กันยายน 67 ก็มีสาวประเภทสองคนหนึ่งโทรศัพท์มาหา ทำเนียนถามว่าจำได้หรือเปล่าว่าเป็นใคร ตนก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นแฟนเก่า เพราะเคยคบหากันสาวประเภทสองมาก่อน
พอเขาพูดตีสนิทสักพักก็เอ่ยปากขอความช่วยเหลือ ถามตนว่าพอมีเงินหรือเปล่า 12,000 บาท พอดีไปทำธุระที่ตัวอำเภอจะจ่ายค่าของ แต่เงินสดไม่พอขอยืมก่อน แล้วช่วงบ่ายๆ จะโอนคืนให้ แต่ตอนนั้นตนตอบไปว่ามีเพียง 2,000 บาทเท่านั้น แต่ฝั่งปลายสายก็บอกว่าให้ตนโอนไปก่อน 2,000 บาท
ด้วยความที่ตนเข้าใจว่าปลายสายอาจจะเป็นแฟนเก่าที่เคยคบกัน ก็เลยโอนไปให้ 2,000 บาท เพราะเขาอาจจะเดือดรอนเงินไม่พอจริงๆ แต่พอช่วงบ่ายก็ยังไม่เห็นโอนเงินกลับมาคืน ผ่านไป 2 วันก็ยังเงียบหาย จริงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอก ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไรคิดแค่ว่าชาติก่อนตนอาจจะไปเอาเงินเขามา ชาตินี้เขาก็เลยมาเอาเงินคืน
ต่อมาเมื่อ 3 ตุลาคม 2567 ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาตนอีก โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. ถามว่าตนเป็นอะไรกับคนที่ตนโอนเงินไปให้ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 แล้วเขายังบอกว่าคนที่ตนโอนเงินไปให้เป็นกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นกระบวนการฟอกเงิน เขาบอกให้ตนโอนเงินไปตรวจสอบ
ตอนนั้นตนมีเงินติดอยู่ในบัญชีเพียง 5,000 บาท ด้วยความที่คิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง.จริงๆ และกลัวความผิด จึงหลงเชื่อโอนเงินไปให้เขาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับสาวประเภทสองที่เขามาหลอกยืมเงิน แต่พอโอนไปแล้วกลับติดต่อไม่ได้อีก จึงเชื่อว่าเป็นกลุ่มมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกลวงแน่นอน
จึงได้นำหลักฐานสลิปโอนเงินไปแจ้งความที่ สภ.นางรอง และนำเรื่องราวมาเตือนภัยกับคนอื่นๆ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกสูญเสียเงินเหมือนตนเองอีก และอยากฝากถึงกลุ่มมิจฉาชีพว่าอย่ามาซ้ำเติมคนพิการ หรือคนที่ตกทุกข์ได้ยากแบบนี้อีกเลย ซึ่งตนเองนอกจากจะพิการแล้ว ยังต้องดูแลยายป่วยติดเตียงด้วย