อดีตเจ้าหญิงของ ‘ชาดา’ ‘เอ๋ อัจฉรา’ เผยสาเหตุยอมทิ้งวงการไปใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายที่หลายคนมองว่าเป็นเจ้าพ่อ
เปิดเรื่องราวชีวิตรักของอดีตนางเอกยุค90 เอ๋ อัจฉรา ทองเทพ กับ นักการเมืองดัง ในหลากหลายมุม ที่น้อยคนจะรู้ ตั้งแต่เริ่มคบ ใช้ชีวิตคู่ และนาทีที่ต้องตัดสินใจแยกทางกัน โดย เอ๋ เล่าถึงอดีตชีวิตรัก กับผู้ชายที่เคยใช้ชีวิตคู่ จนมีลูกสาวที่น่ารักด้วยกัน กับผู้ชายที่หลายคนมองว่าเป็นนักเลง เป็นเจ้าพ่อ อย่าง “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ว่า
“ในการแต่งงานครั้งนั้น พี่คิดว่าพี่ตัดสินใจถูกที่สุด ในขณะที่ครอบครัวยังไม่เห็นด้วย ทุกคนไม่มีใครเห็นด้วย ตอนนั้นพี่ก็อายุ 20 ปลายๆ แล้วนะ มันก็ควรที่จะแต่งงานได้ แต่แม่บอกว่าเรายังมีงาน แล้วอดีตสามี ท่านชาดา ไทยเศรษฐ์ ตอนนั้นท่านยังไม่ได้เป็นนักการเมืองระดับประเทศ ยังเป็นนักการเมืองท้องถิ่น
เขามองภาพลักษณ์ท่านว่าเป็นนักเลง คำว่านักเลงในคนต่างจังหวัด คนมองเป็นลบ เป็นเจ้าพ่อ เป็นนักเลง แต่คนที่มองแบบนั้นไม่เหมือนพี่ ที่ได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสท่าน ท่านเป็นคนใจดี เป็นคนน่ารัก ไม่งั่นเราไม่เลือกหรอก เพราะว่าท่านก็เป็นพ่อหม้าย มีลูกติด ทางครอบครัว เราก็มองว่าเรายังมีโอกาส แต่พี่ก็คุยกับแม่ ว่าหนูขอเลือกเอง เพราะสิ่งที่หนูได้สัมผัสว่ามันใช่ เพราะเขาเป็นคนผู้ใหญ่ที่น่ารักมาก เป็นผู้ใหญ่ที่สามารถเตือนเราได้ ดูแลเราได้ดีที่สุด เป็นผู้ชายที่ไนซ์มาก ที่ได้สัมผัส เขาค่อนข้างเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก
พี่อยู่กับท่าน 13 ปี เข้าปีที่ 14 สนุกกับการใช้ชีวิต พี่คิดว่าพี่คุ้มมาก ครั้งนึงในชีวิต ตอนนี้พี่อายุ 50 กว่าแล้ว ช่วงชีวิตที่คิดว่าคุ้มที่สุดคือการใช้ชีวิตกับคุณชาดา มันครบทุกรูปแบบทั้งความสุข ความทุกข์ ความเหนื่อย ความสบาย มันอยู่ตรงนั้น ความสุขคือเขาดูแลเราดี เป็นที่รักของทุกคน ไปไหนก็ได้รับการต้อนรับที่ดีจากชาวบ้าน ความทุกข์ในตอนนั้นมันเหงา เพราะว่าเราไม่มีเพื่อน หรือแม้แต่ญาติ ทุกอย่างเราต้องไปสร้างใหม่
ทุกข์อีกอย่างคือต้องเป็นภาระท่าน ในตอนที่อยู่กับท่าน พี่ป่วยเป็นโรค SLE แล้วนะ ตอนนั้นเกือบป่วยติดเตียง ท่านต้องช่วงพยุง ช่วยดูแล ต้องอุ้ม ความทุกข์ในตอนนั้นคือเขาต้องมาเป็นภาระท่าน ในขณะที่ท่านดูแลเราดี เหมือนทำบาป เราเอาภาระไปให้เขา แต่ท่านก็พาพี่ไปรักษาในกรุงเทพ จนอาการดีขึ้น จนหาย ก็เลยตัดสินใจที่ไปทำกิ๊ฟ เพราะเราอยากมีลูก จนมีลูกด้วยกัน เราทำกิ๊ฟหลายรอบมาก จนมาถึงช่วงที่เรามีคดี แล้วครอบครัวของพี่เป็นคนบ้านนอก พอมีเรื่องคุณแม่ก็เป็นห่วง แล้วเมื่อก่อน ไม่ได้มีสื่อแบบนี้ แล้วภาพท่านก็เป็นนักเลง มันมีแค่หนังสือพิมพ์ที่ลงข่าว ทำให้แม่อ่านแล้วไม่สบายใจ มันเลยต้องขึ้นศาล ช่วงทีท่านมีคดี ต้องติดอยู่คุก ในระหว่างคดี คุณแม่ก็บอกให้เลิกเถอะ กลับมาอยู่บ้านเราเถอะลูก แต่สุดท้ายแล้วท่านไม่ได้เป็นผิด ศาลยกฟ้องในที่สุด”
ตอนที่เราตัดสินใจอุ้มลูกออกมา ได้คุยกับท่านไหม? “ตอนนั้นไม่ได้คุย เพราะว่าท่านก็อยู่ในเรือนจำ แม่ก็ไม่ใช่เข้าไป ณ ตอนนั้นรู้สึกเสียใจ ถามว่าตอนนั้น ระหว่างสามีกับแม่เราต้องเลือกไหม เรามองในมุมปรารถนาดีของคนเป็นแม่ ถ้าพี่เลือกได้ ไม่อยากมีครอบครัวที่ต้องแยกกันอยู่ ตอนที่อยู่ด้วยกัน เราได้ทะเลาะกันเลย
แต่เราต้องมาแยกกันอยู่เพราะอะไรก็ไม่รู้ แล้วแม่เราก็ห่วง และหลายๆ เหตุผลในตอนนั้น มีปัญหารุมเร้าเข้ามา เราก็ต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างที่เราต้องอยู่กับลูกให้ได้ อยู่กับแม่ให้ได้ ถามว่าตอนนั้นห่วงคุณชาดาไหม บอกตรงๆ ว่าไม่ห่วงเลย ชีวิตท่านโลดโผนมาตลอด ท่านคือนักรบ ท่านคือนักสู้ ชีวิตท่านเจอมาหมดแล้ว”